ซอฟเจล??? SoftGel???
ในปัจจุบันนี้ผู้บริโภคคงจะคุ้นเคยกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบซอฟเจล กันบ้างแล้วเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นแคปซูลที่บรรจุผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นของเหลว เช่น น้ำมัน โดยเหตุผลสำคัญของการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซอฟเจล คือ การทำให้ของเหลวที่เป็นสารอาหารนั้นๆ คงตัว ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมีอายุการเก็บรักษาได้นานขึ้น และที่สำคัญคือ ผูับริโภคจะได้รับสารอาหารในรูปแบบของเหลวเพื่อประสิทธิผลที่ดี และความสะดวกในการรับประทานนั้นเอง ยกตัวอย่างสารอาหารที่นิยมบรรจุ เช่น น้ำมันปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ส่วนโคเอนไซม์คิวเทนเริ่มต้นอาจจะอยู่ในรูปแบบผง แต่ร่างกายจะดูดซึมได้ดีที่สุดในรูปแบบน้ำแขวนตะกอน (หมายถึง อนุภาคขนาดเล็กที่แขวนลอยอยู่ในของเหลว)
แม้ว่าซอฟเจลจะเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์มาประมาณ 50 แล้ว แต่ในการผลิตวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบซอฟเจลในแต่รุ่นก็ยังต้องเข้มงวดในการควบคุมคุณภาพ ซึ่งการผลิตซอฟเจลนั้นซับซ้อนและใช้เวลามากกว่าเมื่อเทียบกับการผลิตยาเม็ดทั่่วไป เพราะเป็นการผสมผสานอย่างสมบูรณ์แบบระหว่างสูตร 2 ชนิด คือตัวยาและเปลือกเจลาติน
เริ่มจาก...
- การควบคุมเครื่องจักรและอุณหภูมิให้เที่ยงตรง
- การทำให้แห้ง โดยใช้เวลา 2 วัน
- การใช้เลเซอร์ในการสลักลายในผลิตภัณฑ์ขั้นตอนสุดท้าย
สิ่งสำคัญของการผลิตซอฟเจล คือ เปลือกเจลาตินจะต้องแข็งแรงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้สารอาหารรั่วซึม แต่ความเข้มข้นก็ต้องพอดีที่จะละลายและปล่อยตัวยาเข้าสู่ร่างกายได้ และซอฟเจลทุกแคปซูลจะต้องเหมือนกันหมด ทั้งสี รูปร่าง และขนาด
ข้อดีของนวัตกรรมการผลิตซอฟเจล คือ ช่วยให้กำหนดปริมาณยาได้อย่างถูกต้องและยากต่อการบิดแกะ เนื่องจากการแกะซอฟเจลจะทำให้เปลือกแคปซูลรั่วหรือเปลี่ยนสี ผู้บริโภคต้องการผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบซอฟเจลมากขึ้น เพราะสะดวกต่อการกลืน และความพึงประสงค์ต่อการรับประทาน
Cr.http://www.nutrilite.co.th/mobile/newsupdate/topic.html?id=3312